วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เกษตรกรเฮ!!! “จุรินทร์” พบบริษัทปุ๋ยยักษ์ใหญ่ของซาอุชื่อ”ซาบิค” เจรจานำเข้าได้อีก 1 แสนตันในเดือนสิงหาคม


เกษตรกรเฮ!!! “จุรินทร์” พบบริษัทปุ๋ยยักษ์ใหญ่ของซาอุชื่อ”ซาบิค” เจรจานำเข้าได้อีก 1 แสนตันในเดือนสิงหาคม

วันที่ 31 สิงหาคม 2565 เวลา 8.30 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนภาคเอกชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการ พบหารือกับผู้บริหารบริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) Mr.Yousef Abdullah Al-Benyan ตำแหน่ง CEO บริษัท SABIC และคณะ ที่บริษัท SABIC ประเทศซาอุดิอาระเบีย วานนี้(30 ส.ค.65)

นายจุรินทร์ กล่าวว่า SABIC ถือเป็นบริษัทผลิตปุ๋ยรายใหญ่รายหนึ่งของโลกและเป็นรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย หารือกับ CEO ของ SABIC ซึ่งบริษัทนี้ทำธุรกิจหลายด้านโดยเฉพาะปิโตรเคมี ปุ๋ย เคมีภัณฑ์และอื่นๆทั้งอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น ซึ่งดำเนินกิจการมาแล้ว 50 ปี ถือเป็นอันดับหนึ่งในตะวันออกกลาง ค้าขายกับ 50 ประเทศทั่วโลก โดยไทยถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น และหลังจากฟื้นความสัมพันธ์ บริษัท SABIC ให้ความสัมคัญกับประเทศไทยเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย

ในเรื่องของปุ๋ยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียต้องการอำนวยความสะดวกการเจรจา เพื่อให้ประเทศไทยสามารถนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียได้มากขึ้น อย่างน้อยนโยบายของตนตราบเท่าที่การแก้ปัญหาเรื่องราคาไม่ได้เพราะต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมากและปุ๋ยทำจากแก๊สธรรมชาติ เมื่อราคาแก๊สในตลาดโลกยังสูง ส่งผลให้ราคาปุ๋ยในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย ซึ่งเราต้องนำเข้าปุ๋ยเกือบ 100% ต้นทุนการนำเข้าปุ๋ยในประเทศไทยจึงสูงขึ้นตามราคาปุ๋ยในตลาดโลกและราคาแก๊สในตลาดโลก รวมทั้งการขนส่งปุ๋ยเข้ามาต้องใช้น้ำมัน ทำให้ราคาปุ๋ยในประเทศมีราคาสูง แต่ในประเทศเราต้องแก้ปัญหา 2 ข้อ 1.เรื่องราคา 2.เรื่องปริมาณต้องไม่ให้ขาดแคลนสำหรับความต้องการใช้ของเกษตรกร

เรื่องราคาเราแก้ไขด้วยการจัดทำโครงสร้างราคาใหม่ โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทำเสร็จแล้วสอดคล้องกับต้นทุนที่เป็นจริงในการนำเข้า โดยดูจากใบอินวอยด์จริง ซื้อขายจริง ให้ยุติธรรมกับเกษตรกรที่เป็นผู้ใช้ปลายทางและผู้นำเข้า

เรื่องปริมาณตอนนี้ถือว่าแก้ปัญหาลุล่วง เราเร่งเจรจากับซาอุดีอาระเบียนำเข้าปุ๋ย ซึ่งขณะนี้ทำสัญญาซื้อขาย นำเข้าปุ๋ยได้แล้วถึงเดือนกรกฎาคม จำนวน 323,000 ตัน และเดือนสิงหาคมนี้ มีการเจรจานำเข้าเพิ่มเติมอีก 102,000 ตัน รวมนำเข้าปุ๋ยจากซาอุฯ 425,000 ตัน และจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม อย่างน้อยปัญหาขาดแคลนปุ๋ยไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่เรื่องราคายังต้องเป็นไปตามกลไกของราคาปุ๋ยในตลาดโลก

ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดโครงการปุ๋ยราคาพิเศษช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการเฉพาะ ตนได้สั่งการว่าจะทำอย่างไรให้กระทรวงเกษตรฯกับกระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกันแสวงหาแหล่งปุ๋ยราคาพิเศษ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะพยายามเต็มที่ และจัดปุ๋ยราคาพิเศษให้กลุ่มเกษตรกร แต่ละรายเป็นราคาตลาด ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้ว สำหรับซาอุดีอาระเบียเรานำเข้าปุ๋ยได้เยอะขึ้น เร่งรัดมากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลไฟเขียวให้โอกาสเรานำเข้ามากขึ้นเดิม นำเข้าจาก SABIC เป็นหลัก ตอนหลังให้นำเข้าจากบริษัทมาเดน (MA'ADEN) ได้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมาเดน ผลิตฟอสฟอรัสเป็นหลัก ส่วน SABIC ผลิตยูเรียเป็นหลัก จะนำเข้าฟอสฟอรัสกับยูเรียได้มากขึ้น ส่วนโพแทสเซียมหาจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม

“ซึ่งโครงการปุ๋ยราคาพิเศษได้ทำมาแล้วรอบหนึ่ง โดยใช้ความร่วมมือระหว่างสมาคมปุ๋ยแห่งประเทศไทยกับกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์ ปรับราคาปุ๋ยลง จากราคาตลาดกระสอบละ 20-50 บาท จำนวน 4,500,000 กระสอบ และมีอีกทางคือการช่วยสนับสนุนชดเชยราคาปุ๋ยให้กับเกษตรกรซึ่งรอการพิจารณาของฝ่ายต่างๆที่ดูแลด้านการเงินการคลังของประเทศอยู่” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แจ้งว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีอันดับที่ 6 ของโลก ซึ่งปุ๋ยเคมีที่ซาอุดีอาระเบียส่งออกมากที่สุด ได้แก่ 1.ปุ๋ยผสม NPK 2.ปุ๋ยไนโตรเจน 3.ปุ๋ยโพแทสเซียม และประเทศที่ซาอุดีอาระเบียส่งออกปุ๋ยเคมีมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย บังกลาเทศ บราซิล สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และไทย ผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบียคือ SABIC, Saudi Arabian Fertilizer Company (SAFCO) และ Saudi United Fertilizer Co. (Al-Asmida)






(นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) ข่าวทั่วไทยออนไลน์ น.ส.พ.ข้าแผ่นดินสยาม ข่าวคมชัด aec-tv-online รอบวันทันข่าว น.ส.พ.เพื่อแผ่นดิน 0831671688 รายงาน

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 รับมอบ สุรา ยาสูบ ที่เสร็จคดีตามระเบียบของกรมสรรพสามิต เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการนำไปทำน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลงจากใบยาสูบ ในโครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 37 เกษตรปลอดภัย ค่ายเม็งรายมหาราช


ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37  รับมอบ สุรา ยาสูบ ที่เสร็จคดีตามระเบียบของกรมสรรพสามิต เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการนำไปทำน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลงจากใบยาสูบ ในโครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 37  เกษตรปลอดภัย ค่ายเม็งรายมหาราช

พลตรี  ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37  ให้การต้อนรับ ดร. สุพัชรา  บุญเกิดรัมย์ สรรพสามิตพื้นที่เชียงราย และคณะ ในการเดินทางมามอบ สุรา ยาสูบ ที่เสร็จคดีตามระเบียบของกรมสรรพสามิต ให้กับ มณฑลทหารบกที่ 37  เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการนำไปทำน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลงจากใบยาสูบ ของโครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 37  ค่ายเม็งรายมหาราช ตามแผนงานโครงการเกษตรปลอดภัย ซึ่ง มณฑลทหารบกที่ 37  ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาพัฒนาพื้นที่ภายใน ค่ายเม็งรายมหาราช ให้เกิดประโยชน์ ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยทำการปลูกผัก พืชผล เพื่อใช้ประกอบเลี้ยงแก่กำลังพลภายในค่ายเม็งรายมหาราช อีกทั้ง ยังจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรให้กับประชาชนโดยทั่วไป ให้ได้รับประทานผักที่สะอาด ปลอดภัย ในราคาที่ถูก และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 







ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) รายงาน 0831671688


“มณฑลทหารบกที่ 36 จัดกำลังพลจิตอาสา ร่วมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์สถานศึกษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ”


 “มณฑลทหารบกที่ 36 จัดกำลังพลจิตอาสา ร่วมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์สถานศึกษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ”

      เมื่อ 31 สิงหาคม 2565 เวลา 0900 มณฑลทหารบกที่ 36 จัดกำลังพลจิตอาสา ร่วมกับประชาชน และคณะครูโรงเรียนบ้านชอนไพร บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สถานศึกษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565       ณ โรงเรียนบ้านชอนไพร  ตำบลชอนไพร อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ การดำเนินการดังกล่าวได้เวลาตามมาตรการป้องกัน โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างเคร่งครัด








ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) รายงาน 0831671688


วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“วัฒนธรรมอุตรดิตถ์จัดอบรมผู้ประกอบการ ให้มีความพร้อมเข้าสู่โมเดิร์นเทรด”

 


“วัฒนธรรมอุตรดิตถ์จัดอบรมผู้ประกอบการ ให้มีความพร้อมเข้าสู่โมเดิร์นเทรด”

วันอังคารที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๓๐ น. ณ ศาลาประชาคมจังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ นายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมพัฒนาและส่งเสริมชุมชนและผู้ประกอบการด้านวัฒนธรรม ให้มีความพร้อมในการเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นจังหวัดนำร่องในเขตภาคเหนือ จากทั้งหมด ๕ จังหวัด ทั่วประเทศ จัดอบรมพัฒนาและส่งเสริมชุมชนและผู้ประกอบการด้านวัฒนธรรมให้มีความพร้อม ในการเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือเศรษฐกิจชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง และมีความยั่งยืนตามรอยศาสตร์พระราชา ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นฟู และสร้างโอกาส สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชน  การอบรมดังกล่าว มีผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) จำนวน ๕๐ ราย จาก ๑๘ ชุมชน ในพื้นที่ ๙ อำเภอ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและความพร้อมในการจำหน่ายในรูปแบบโมเดิร์นเทรด ได้นำผลิตภัณฑ์มาจัดแสดง พร้อมรับคำแนะนำการพัฒนาต่อยอด และส่งเสริมการตลาดในทุกช่องทางจำหน่าย โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทบางกอก อินสตรูเมนท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมทางการตลาดผลิตภัณฑ์กับกระทรวงวัฒนธรรม โดย คุณอโนมา ธำรงรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ได้บรรยายแนวทางพัฒนาและส่งเสริมชุมชนและผู้ประกอบการด้านวัฒนธรรม ให้มีความพร้อมเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด และการบรรยายให้ความรู้และความเข้าใจพื้นฐาน ในช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ” โดย คุณกลศ หิรัญบูรณะ นายกสมาคมการค้าเพื่อความยั่งยืนของเกษตรกร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Work Shop เพื่อเตรียมความพร้อมของชุมชนและผู้ประกอบการเกี่ยวกับช่องทางการจำหน่ายในแต่ละช่องทาง ได้แก่ จัดจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ช็อปสโตร์ เช่น โลตัส บิ๊กซี เลมอน ฟาร์ม รวมถึงช่องทางออฟไลน์ ออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ นายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมทั้งมีการถ่ายทอดและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนที่ทรงคุณค่าและมีมูลค่า เช่น ผ้าทอ เหล็กน้ำพี้ แก้วโป่งข่าม ข้าวแคบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน เป็นต้น สามารถพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ซึ่งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมที่จะส่งเสริม พัฒนา ต่อยอด ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อไป













นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

“อลงกรณ์”ร่วมเสวนา”สภาผู้แทนฯ.”ชู5ยุทธศาสตร์”เฉลิมชัย”ปฏิรูปภาคเกษตรแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรเน้นแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูง



“อลงกรณ์”ร่วมเสวนา”สภาผู้แทนฯ.”ชู5ยุทธศาสตร์”เฉลิมชัย”ปฏิรูปภาคเกษตรแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรเน้นแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูง 

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรติร่วมเป็นวิทยากรการสัมมนาและบรรยายในหัวข้อเรื่อง”การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรโดยการเพิ่มมูลค่าด้านการผลิตการแปรรูป และการตลาด” ร่วมกับ นายวีระกร คำประกอบ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมมาธิการ นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และมีนายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ เป็นผู้ดำเนินรายการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิต การแปรรูป และการตลาด ของผลผลิตทางการเกษตรให้แก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ จำนวน 200 คน ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อ29ส.ค. ณ ห้องประชุมสัมมนา B 1-1 ชั้น B 1 อาคารรัฐสภา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อเสนอแนะ และระดมข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มมูลค่าด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาด เพื่อแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตร และยกระดับรายได้เกษตรกรให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ  

     นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ13ของโลกทำให้สินค้าเกษตรของไทยต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก เช่นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ( Climate Change )การแพร่ระบาดของโควิด -19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ปุ๋ยเคมี น้ำมันเชื้อเพลิง และวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพงทำให้ต้นทุนกาคผลิตภาคการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น

    การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรจึงต้องขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนที่เรียกว่า”คานงัด”เพื่อรับมือกับสถานการณ์ความผันผวนของโลก

     กระทรวงเกษตรฯ.จึงสร้างคานงัดเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนแบบองค์รวมเป็นกลไกแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพภาคเกษตรของไทยจากต้นน้ำถึงปลายน้ำภายใตั 5 ยุทธศาสตร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้แก่ 1) ตลาดนำการผลิต 2) เทคโนโลยี่เกษตร 4.0 3) ”3 S”เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน 4) เกษตรกรรมยั่งยืน และ 5) บูรณาการทำงานเชิงรุกกับทุกภาคส่วนโดยมีตัวอย่าง คานงัด ที่ดำเนินการเช่น

1. การสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านเกษตร อาทิ การเจรจาความร่วมมือกับประเทศเวียดนามเพื่อยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก ถือเป็นความสำเร็จในการสร้างความร่วมมือของ2ประเทศในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวอันดับที่ 2 และ 3 ของโลก โดยตั้งกลไกในการขับเคลื่อน เพื่อร่วมกันสร้างอำนาจการต่อรองราคาข้าวในตลาดโลก หรือการยกระดับความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบีย และดูไบในการขยายตลาดสินค้าเกษตรในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาและยุโรป

2. ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด”ในรูปแบบ online-offline ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ.กับกระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ รวมทั้งความร่วมมือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

3. สร้างโอกาสตลาดใหม่และลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้วยแนวทาง”เชื่อมไทย เชื่อมโลก”เช่น กรณีรถไฟจีน-ลาวขนส่งสินค้าเกษตรไปจีนและร่วมมือกับคาซัคสถาน และดูไบในโครงการท่าบกคอคอสเป็นชุมทางรถไฟบริเวณพรมแดนจีน-คาซัคสถานเพื่อขนส่งจากอีสานเกตเวย์ไปเอเซียกลาง ตะวันออกกลาง และยุโรป

4. เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ด้วยนโยบายเทคโนโลยีเกษตรและนโยบายคุณภาพและมาตรฐาน เช่น การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(ศูนย์AIC)ทุกจังหวัดโดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาไทยยกระดับการผลิตอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน

5. การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสร้างแบรนด์สู่เกษตรมูลค่าสูง เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่ง/(กรกอ.)ร่วมเดินหน้าโครงการ 

”1 กลุ่มจังหวัด1นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร” เพื่อกระจายฐานตลาดและฐานการแปรรูปสินค้าเกษตรใน18กลุ่มจังหวัดครอบคลุมทั่วประเทศและโครงการ”เกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่”และขยายเป็น 5 ล้านไร่เพื่อให้สินค้าเกษตรมีตลาดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นและมีผลิตภัณฑ์เกษตรมากขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น

6. ริเริ่มเพิ่มสินค้าเกษตรทางเลือกใหม่แทนสินค้าเกษตรเชิงเดี่ยวที่มีปัญหาด้านราคาด้วยนโยบายอาหารแห่งอนาคต(Future Food)เช่น แมลง โปรตีนพืช สาหร่าย ผำ ฮาลาล

7. สร้างกลไกขับเคลื่อนแบบบูรณาการทำงานเชิงรุกทุกภาคีภาคส่วนบนหลักการหุ้นส่วน(Partnership)ระหว่างภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรไม่ใข่ต่างคนต่างทำ โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายทุกชุดของกระทรวงเกษตรฯ.ใช้โมเดลทำงานและองค์ประกอบ4ฝ่าย

8. บริหารด้านอุปสงค์และอุปทาน( Supply Side & Demand Side management)เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรเช่น กรณียางพารามีการลดพื้นที่ปลูก1แสนไร่ทุกปีพร้อมกับขยายตลาดใหม่ๆ เข่นเดียวกับข้าวที่ปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสมให้ผลผลิตต่ำแต่ลงทุนสูงขาดทุนต่อเนื่องโดยปรับเปลี่ยนไปสู่พืชทางเลือกที่มีตลาดเช่นถั่วเขียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฯลฯทั้งยางพาราและข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่ไทยส่งออกเป็นอันดับ1และ2ของโลกแต่ราคาไม่แน่นอนผันผวนตลอดมาจึงต้องบริหารทั้งปริมาณผลผลิตและตลาดไปพร้อมๆกัน

9. การพัฒนาและบริหารปัจจัยการผลิตและเครื่องจักรกลการเกษตร เช่น เมล็ดพันธ์ุ ปุ๋ย และพลังงาน ยกตัวอย่างในภาวะปุ๋ยแพงได้ส่งเสริมปุ๋ยอินทรีย์และ ลดการใช้ปุ๋ยเคมีโดยส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ มีการจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์ PGS แห่งประเทศไทยสำเร็จเป็นครั้งแรก หรือโครงการข้าวอินทรีย์1ล้านไร่ รวมทั้งการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันเช่นไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอลล์ (เอทานอล)แปรรูปจากปาล์มน้ำมัน อ้อยและมันสำปะหลัง หรือการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเกษตรเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต

10. การปฏิรูปการบริหารและบริการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านการบริหารราชการแผ่นดินและด้านการให้บริการประชาชนด้วยโครงการพัฒนา22หน่วยงานด้วยระบบดิจิตอล(Digital Transformation)และศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ(ระบบบิ๊กเดต้า)รวมทั้งระบบNSWและลายเซ็นดิจิตอล(Digital Signature) โดยตั้งเป้าหมายให้กระทรวงเกษตรฯ.ซึ่งรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาและพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทยต้องเป็นกระทรวงที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพในการรับมือกับโจทย์ปัจจุบันและอนาคต

   ตัวอย่าง10คานงัดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแบบองค์รวมเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรพร้อมกับสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูงในตลาดโลกจะทำให้เกษตรกรและประเทศมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างยั่งยืน.






 

(นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) ข่าวทั่วไทยออนไลน์ น.ส.พ.ข้าแผ่นดินสยาม ข่าวคมชัด aec-tv-online  รอบวันทันข่าว น.ส.พ.เพื่อแผ่นดิน 0831671688 รายงาน 

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เรือกาบ ขนยาบ้าข้ามโขง !! ทหารพราน 31 ร่วม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตเชียงราย สกัดทัน ริมชายฝั่งน้ำโขง ยึดยาบ้า 5.4 ล้านเม็ด พร้อม ไอซ์ เฮโรอีน ....

                        

เรือกาบ ขนยาบ้าข้ามโขง !! ทหารพราน 31 ร่วม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตเชียงราย สกัดทัน ริมชายฝั่งน้ำโขง ยึดยาบ้า 5.4 ล้านเม็ด พร้อม ไอซ์ เฮโรอีน ....

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2565 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบลำเลียงขนยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) เข้ามายังราชอาณาจักรไทย บริเวณป่าช้าไม่ระบุพื้นที่หมู่บ้าน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 จึงได้จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ บูรณาการร่วมกับ  สถานีเรือเชียงแสน หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตเชียงราย (นรข.เชียงราย), หมวดตำรวจตระเวนชายแดนที่ 3273 วางกำลังซุ่มเฝ้าตรวจตามแผนสกัดก้านยาเสพติดตามลำน้ำโขง ตั้งแต่บริเวณบ้านสวนดอก  ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน ถึง บ้านดอนที่ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

ต่อมาเมื่อเวลา 20.15 น. ชุดเฝ้าตรวจของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตเชียงราย ได้ตรวจพบ เรือกาบ จำนวน 1 ลำ ภายในเรือมีกลุ่มบุคคล จำนวน 3 คน พร้อมบรรทุกวัตถุต้องสงสัยแล่นมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้ามาเทียบชายฝั่งบริเวณบ้านสบยาบ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งตรวจพบ กลุ่มบุคคล จำนวน 2 คน เดินเข้าไปยังบริเวณที่เรือกาบจอดเทียบชายฝั่งและได้ช่วยกันนำวัตถุต้องสงสัยจากเรือดังกล่าวขึ้นมายังบริเวณชายฝั่ง เจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตเชียงราย จึงได้แสดงตนเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่เมื่อกลุ่มบุคคลจำนวนดังกล่าว พบเห็นเจ้าหน้าที่ กลุ่มบุคคลชาย จำนวน 3 คน ที่อยู่บนเรือ จึงได้แล่นเรือข้ามกลับไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกลุ่มบุคคลชายอีก จำนวน 2 คน ได้อาศัยความมืดหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังออกไล่ติดตามแต่ไม่สามารถติดตามตัวได้

ต่อมา เจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตเชียงราย จึงได้ขอรับการสนับสนุนกำลังพลจาก ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 และกองร้อยทหารพรานที่ 3104 เพื่อเข้าที่ขายสถานการณ์ พร้อมทั้งตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุตรวจพบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 27 กระสอบ ประมาณ 5,400,000 เม็ด,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ไอซ์) จำนวน 6 กระสอบ ประมาณ 120 ห่อ และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 6 กระสอบ ประมาณ 96 ห่อ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 จึงได้ร่วมกันนำของกลางจำนวนดังกล่าว ไปเก็บรักษาไว้ ณ สถานีเรือเชียงแสน หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตเชียงราย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป















ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) รายงาน 0831671688

 

รถกระบะเสียหลักชนเสาไฟฟ้า โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย คาดคนขับวูบขณะขับขี่

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 11.00 น. หน่วยกู้ภัยได้รับแจ้งจากประชาชนว่าเกิดอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า บริเวณหมู่ 1 ตำ...