วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

บิ๊กปั๊ด ส่งมอบหน้าที่ ผบ.ตร. มั่นใจบิ๊กเด่น จะเป็นผู้นำสีกากีคนใหม่ที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา 

วันนี้ (30 ก.ย.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีการลงนามรับส่งมอบหน้าที่ โดยมีการมอบธง และตราประจำตำแหน่งให้กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. คนใหม่ มั่นใจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จะนำองค์กรไปในทิศทางที่ดี

 เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ใหม่ ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพ และเดินตรวจแถวกองเกียรติยศ จากนั้นได้วางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 และพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 ก่อนเดินเข้าพิธีในห้องศรียานนท์ อาคาร 1 ตร. โดยมีข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าร่วมในพิธีกันอย่างพร้อมเพียง 

 จากนั้นได้มีการทำพิธีลงนามในหนังสือส่งมอบหน้าที่ และมีการมอบธง และตราประจำตำแหน่ง ให้กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ซึ่งจะเป็น ผบ.ตร. คนที่ 13 พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ​ โดยระบุว่า ผมขอแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ ซึ่งท่านได้แสดงผลงานเป็นดีเด่นให้ประจักษ์ต่อสายตามาโดยตลอด จึงเชื่อมั่นว่า ผบ.ตร. ท่านใหม่ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ ของ ผบ.ตร. และเป็นผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี และสัมฤทธิ์ผล เป็นประโยชน์แก่ทางราชการสืบไป 

 ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวว่า นับเป็นเกียรติยศและเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุดแก่ชีวิต อย่างหาที่สุดมิได้ และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น  ที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. และขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งจักปฏิบัติงานสนองพระราชปณิธาน ตามพระปฐมบรมราชโองการ 

 และขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ​ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ซึ่งท่านเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ ที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตนขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะทุ่มเทแรงกายแรงใจ ตลอดจนสติปัญญาในการปฎิบัติหน้าที่ อย่างสุดกำลังความสามารถ และจะปฎิบัติหน้าที่โดยยึดหลักนิติธรรม และคุณธรรม ตามครรลองแห่งกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ของทางราชการ ตลอดจนขบนธรรมเนียมที่ดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและสังคมโดยรวม  

 จากนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ ได้เดินออกจากห้องศรียานนท์ และเดินลงบันได้ลงมายังหน้าอาคาร 1 ระหว่างทางมี ชุดสยบไพรี และบูรพา 491 ตั้งแถวทำซุ้มปืนเพื่อให้บิ๊กปั๊ด ซึ่งเป็นเสมือนครูบาอาจารย์งานสืบสวนเดินรอดผ่าน ตลอดทางมีตำรวจทั้งชายหญิงยืนตั้งแถวพร้อมกับถือดอกกุหลาบมอบให้กับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ระหว่างทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้สวมกอดกับเพื่อนพี่น้องข้าราชการตำรวจ บรรยากาศเป็นไปด้วยความตื้นตัน ก่อนที่จะขึ้นรถออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปอย่างสมเกียรติ

 ภายหลัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ เป็นต้นแบบในหลายๆ ด้านของตน ซึ่งยากจะให้ใครเทียบได้ สมควรยึดถือเป็นแบบอย่าง และนำมาปรับใช้ให้เช้ากับวิธีคิด และแนวทางที่เป็นของตนให้ได้มากที่สุด และเชื่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ จะอยู่ในใจของตำรวจ และประชาชนทั้งประเทศตลอดไป 






ต้อม สิงห์1/รายงาน/ข่าว

“เฉลิมชัย”เดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย เตรียมพบหารือรัฐมนตรีเกษตรฯ.ซาอุดีอาระเบียพรุ่งนี้ มุ่งขยายความร่วมมือด้านการเกษตรทุกมิติ

“เฉลิมชัย”เดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย เตรียมพบหารือรัฐมนตรีเกษตรฯ.ซาอุดีอาระเบียพรุ่งนี้ มุ่งขยายความร่วมมือด้านการเกษตรทุกมิติ

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ถึงการเตรียมความพร้อมในการให้การต้อนรับ นายอับดุลเราะห์มาน บิน อับดุลมุห์สิน อัลฟัฎลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม น้ำ และการเกษตร แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 2 ตุลาคม นี้ ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมที่จะให้การต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม น้ำ และการเกษตรแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และคณะ อย่างเต็มที่ ซึ่งการเดินทางเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางอย่างเป็นทางการครั้งแรกของคณะซาอุดีอาระเบีย เป็นผลมาจากการเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดย  ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคมร่วมกับคณะของรัฐบาลและภาคเอกชนโดยการนำของนายดอน ปรมัติถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

      ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีการหารือกับนายอับดุลเราะห์มาน บิน อับดุลมุห์สิน อัลฟัฎลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม น้ำ และการเกษตร แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในวันที่30กันยายนที่กระทรวงเกษตรฯ.เพื่อขยายความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่าง2ประเทศรวมทั้งประเด็นสำคัญอื่นๆอาทิ การส่งออกสินค้าปศุสัตว์ การส่งออกสินค้าประมง และความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน เป็นต้น ยังมีการนำคณพซาอุดิอาระเบียเดินทางศึกษาดูงาน ณ โรงงานแปรรูปอาหารที่ได้รับมาตรฐานฮาลาล เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านการผลิต และคุณภาพอาหารฮาลาลของไทย.






 

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565

พิธีมหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคลหลวงพ่อโสธร รุ่นบันดาลทรัพย์ ที่ระลึก ทำบุญทอดกฐิน วัดถ้ำชาละวัน ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร ประจำปี ๒๕๖๕

พิธีมหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคลหลวงพ่อโสธร รุ่นบันดาลทรัพย์ ที่ระลึก ทำบุญทอดกฐิน วัดถ้ำชาละวัน ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร ประจำปี ๒๕๖๕ 

ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีขาล ณ อุโบสถวัดถ้ำชาละวัน

เวลา ๐๙.๐๙ น. พิธีบวงสรวงเทวดาบูชาฤกษ์หน้าอุโบสถ

เวลา ๑๔.๑๙ น. พิธีจุดเทียนชัย (มหัทธโนฤกษ์ ฤกษ์เศรษฐี)

 - พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร 

เวลา ๑๗.๓๙ น. พระภาวนาจารย์ผู้ทรงพุทธาคม ๘ รูป นั่งปรกอธิษฐานเจริญจิตภาวนา เพื่อความสวัสดิมงคลแก่ผู้รับไปบูชา

เวลา ๑๘.๓๙ น. พิธีดับเทียนชัย (ราชาฤกษ์) พระพิธีธรรม วัดโรงช้าง สวดคาถาพุทธาภิเษก กรวดน้ำรับพร เป็นอันเสร็จพิธี

รายนามพระภาวนาจารย์

๑. พระราชสิทธิเวที รศ.ดร. (เจ้าคุณวิรัติ)เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร วัดท่าหลวง พระอารามหลวง 

๒. พระครูวิภัชธรรมโสภิต (หลวงพ่อเชื่อม) วัดดงชะพลู

๓. พระครูวิมลปุญญาภรณ์ (หลวงพ่อพิมพ์) วัดพฤกษวัน

๔. พระครูพิบูลย์ธรรมทัศน์ (หลวงพ่อแสวง) วัดโพธิ์แดน

๕. พระครูวิมลสัทธาธิคุณ (หลวงพ่อหมู) วัดดงป่าคำ

๖. พระอาจารย์พนม ฐานิสฺสโร (อ.เล็ก) วัดวังตะเคียนทอง

๗. พระมหาเจษฎากร วิสุทธิรํสี (หลวงตาจันทร์) วัดบึงสีไฟฯ

๘.พระอธิการเพิ่มศักดิ์ (อ.เค มนต์ดำ) วัดน้ำโจรเหนือ

๙. พระครูสังฆรักษ์กิตติคุณ วรธมฺโม วัดถ้ำชาละวัน

รายการวัตถุมงคล ดังนี้

๑. หลวงพ่อโสธร ขนาดบูชาหน้าตัก ๙ นิ้ว ๓๐ องค์

มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมทำบุญ ๑๐,๐๐๐ บาท

๒. หลวงพ่อโสธร ขนาดบูชาหน้าตัก ๕ นิ้ว ๖๐ องค์

มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมทำบุญ ๕,๐๐๐ บาท

๓. หลวงพ่อโสธร ขนาดบูชาหน้าตัก ๑.๕ นิ้ว ๑,๐๐๐ องค์

มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมทำบุญ ๑,๐๐๐ บาท

๔. หลวงพ่อโสธรปั๊มห้อยคอ ๓,๐๐๐ องค์

มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมทำบุญ ๕๐๐ บาท

๕. รูปภาพพระครูสังฆรักษ์กิตติคุณ อุ้มบาตร ขนาด ๖*๘นิ้ว ๕๐๐ ภาพ มอบเป็นที่ระลึกแก่เจ้าภาพโรงทาน

๖. รูปภาพพระครูสังฆรักษ์กิตติคุณ อุ้มบาตร ขนาด ๑ นิ้ว ๑,๐๐๐ ภาพ มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมพิธีทอดกฐิน (จำนวน ๕๐๐ ภาพ)










#วัดถ้ำชาละวัน    #หลวงพ่อโสธร   #บันดาลทรัพย์    #ที่ระลึกกฐิน๖๕ 

นกพิราบศูนย์ข่าว จังหวัดพิจิตร 0831671688 รายงาน

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565

พิธีเปิดคุมประพฤติผู้กระทำผิด อำเภอแก่งหางแมวจังหวัดจันทบุรี สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดจันทบุรี "นางวิภา สุดแสวง"


พนักงานคุมประพฤติชำนาญการพิเศษ"นางสาวอารีรัตน์ พูนปาล" ประธานศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริต้นแบบ จังหวัดจันทบุรี พร้อมปราชญ์ชาวบ้านด้านเศรษฐกิจพอเพียง นำทีมโดย "กำนัน มาโนช ถมเขียว" กำนันตำบลสามพี่น้อง อำเภอแก่งหางแมว ร่วมพิธีเปิดโครงการพัฒนาพฤตินิสัยผู้กระทำผิดภายในศูนย์คุมประพฤติภาคประชาชน อำเภอแก่งหางแมว กำหนดจัดโครงการพัฒนาพฤติวิสัยผู้กระทำผิดประจำปีงบประมาณ 2565 ณ.ศูนย์ประพฤติภาคประชาชนอำเภอแก่งหางแมว หมู่บ้านเนินสมบูรณ์หมู่ 7 ตำบลสามพี่น้อง อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้กระทำผิดทุกกลุ่มภารกิจที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดจันทบุรี ได้รับการพัฒนา และศูนย์คุมประพฤติภาคประชาชนเป็นศูนย์กลางในการประสานการปฏิบัติงานตามภารกิจของสำนักงานคุมประพฤติเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการสร้างงานสร้างอาชีพแบบครบวงจร  "นางวิภา สุดแสวง" รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติ จังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์ว่าการทำโครงการของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดจันทบุรี นั้นเป็นการติดตามเชิงลึกเพื่อให้ผู้กระทำผิดได้มีอาชีพและความเป็นอยู่ในสังคม ร่วมกับผู้อื่นและชุมชนที่อยู่ร่วมกัน ให้มีความสุขและยั่งยืนตลอดไป











ทีมมดแดงข่าวหนังสือพิมพ์ข้าแผ่นดินสยาม จ.จันทบุรี

บอย สิงห์โต ช่างเป้ เต็มสูบ/รายงาน

เสนอ ไพรเจริญ รองผู้กำกับศูนย์ข่าว จ.จันทบุรี/ข่าว

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2565

ประเด็นกัญชาเสรีกับร่างกฎหมายกัญชายังไม่จบ “อลงกรณ์”ติง”อนุทิน”อย่าหลงประเด็นมองผิดเป็นเรื่องการเมือง แนะเร่งปรับปรุงกฎหมายกัญชาปิดช่องโหว่หวั่นเยาวชนเสพสูบเสรี


ประเด็นกัญชาเสรีกับร่างกฎหมายกัญชายังไม่จบ “อลงกรณ์”ติง”อนุทิน”อย่าหลงประเด็นมองผิดเป็นเรื่องการเมือง แนะเร่งปรับปรุงกฎหมายกัญชาปิดช่องโหว่หวั่นเยาวชนเสพสูบเสรี 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เขียนบทความโพสต์ในเฟสบุ๊ควันนี้  เรื่อง”กัญชาเสรีกับร่างกฎหมายกัญชา “จาก”อลงกรณ์”ถึง”อนุทิน”

ตอนจบ“ผิดที่2 -มองผิด ” ซึ่งเป็นตอนที่2ต่อจากตอนแรกเรื่อง“กัญชาเสรี..ไม่กลัวดัง แต่กลัวดับ “ ประเด็น”อนุทิน”กับ”อลงกรณ์”  โดยเขียนไว้ดังนี้    เรื่อง”กัญชาเสรีกับร่างกฎหมายกัญชา”

จาก”อลงกรณ์”ถึง”อนุทิน”  ตอนจบ“ผิดที่2 -มองผิด”  หลังจากพี่หนู อนุทิน ชาญวีรกุล ไปปราศรัยที่ขอนแก่นว่า .. ..”..ถูกขัดขา  เพราะเขากลัวพรรคดังเกินไป เขาจึงดึงเอาไว้…” กรณีสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ.นำร่างพรบ.กัญชากลับไปทบทวนก่อนนำกลับมาเสนอวาระที่2และ3อีกครั้ง

ผมจึงเขียนเรื่อง”ไม่กลัวดังแต่กลัวดับ”เพื่อทำความเข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องขัดขาแต่เป็นเพราะสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมืองยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเสพสูบกัญชาของนักเรียนนักศึกษาเยาวชนที่อนาคตจะดับหากกฎหมายไม่รัดกุมพอ พูดง่ายๆคือ ไม่กลัวดังแต่กลัวดับ (อนาคตของชาติ) และยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีจุดยืนตรงกันคือ สนับสนุนกัญชาเสรีทางการแพทย์เพื่อสุขภาพเพราะเป็นสมุนไพรยาไทย จึงไม่ควรเข้าใจผิดเพื่อนๆที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ว่าไปขัดแข้งขัดขา  นี่คือข้อเขียนที่เรียกว่าเป็น  “ผิดแรก”คือ”เข้าใจเพื่อนผิด”

ส่วน “ผิดที่2” คือ เรื่อง “มองผิดว่าเป็นเรื่องการเมือง”   ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเมื่อ 14 ก.ย.ให้ถอนร่างพรบ.กัญชาฯ.ส่งกลับไปให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ.นำไปปรับปรุงก่อนเสนอกลับมาให้สภาฯพิจารณาในวาระ2และ3อีกครั้ง ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญญาสูญญากาศทางกฎหมายแต่อย่างใด เพราะพี่หนูพูดเองยืนยันเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและเป็นผู้เสนอกฎหมายฉบับนี้ด้วยคนหนึ่ง  พี่หนูยืนยันด้วยตัวเองภายหลังสภาฯ.มีมติให้ถอนร่างกฎหมายกัญชาเมื่อ 20 ก.ย.ว่า”…ทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรที่นอกเหนือการควบคุมหรือมีปัญหาใดๆ ที่ก่อความเสียหายต่อภาพรวม  ประกาศ สธ.ทุกฉบับที่ออกมาก็ครอบคลุมและเข้มกว่าร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ อยู่แล้ว ..”

นอกจากนี้คุณไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังแถลงย้ำว่า”…“แม้ร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง ยังคงต้องอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ก็จะควบคุมการใช้กัญชา-กัญชง ไปจนกว่า พ.ร.บ. ฉบับสมบูรณ์จะออกมาบังคับใช้ หรือหากมีกรณีใดที่มีความจำเป็นต้องออกกฎหมายมารองรับ ก็มีคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน สามารถพิจารณาออกประกาศหลักเกณฑ์ต่างๆ มาดูแลเพื่อให้เกิดความเหมาะสมเพิ่มเติมได้” สาธารณชน และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ.คงจะสบายใจได้แล้วนะครับ ไม่เชื่อพี่หนูแล้วจะเชื่อใคร  การที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้นำร่างกฎหมายกัญชากลับไปทบทวนเป็นปัญหาการบริหารจัดการ ไม่ใช่เรื่องการเมือง บางครั้งความรีบร้อนเร่งรัดกลับเป็นสาเหตุของความล่าช้าเพราะขาดความรอบคอบเหมือนขับรถเร็วแหกโค้งทั้งที่รู้ว่าเป็นโค้งอันตราย

ขนาดสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบร่างกฎหมายนี้ในวาระที่1ด้วยเสียงข้างมากเด็ดขาดซึ่งปกติการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระ2และ3เกือบร้อยทั้งร้อยฉบับจะให้ความเห็นชอบแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น แล้วจะโทษใครกัน ขอเพิ่มเติมข้อสังเกตส่วนตัวในฐานะเคยเป็นอดีต ส.ส. เคยเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายหลายฉบับและเคยอยู่ในคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้เสนอกฎหมายว่า การที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ.ไปเขียนเพิ่มเติมบทบัญญัติของร่างกฎหมายกัญชาที่รับหลักการวาระที่1 จาก45มาตราแล้วไปแปรญัตติเพิ่มเป็น96มาตรานั้นในทางกระบวนการนิติบัญญัติย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะถูกทักท้วงอย่างรุนแรงหรือไม่ยอมรับจากสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น อย่าชี้นิ้วไปโทษคนอื่น มิฉะนั้นจะมองไม่เห็นปัญหาในสาระสำคัญที่ทำให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ถอนร่างกลับไปทบทวนใหม่ 

    ควรนำเหตุผล ข้อเท็จจริงและข้อสังเกตในสภาผู้แทนราษฎร สื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เช่นทำอย่างไรจะแก้โจทย์ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมองว่า ร่างพรบ.ที่คณะกรรมาธิการฯ.เสนอมานั้นไปส่งเสริมการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการเพราะไม่มีบทบัญญัติใดที่จะควบคุมให้มั่นใจว่าเด็กเยาวชนลูกหลานของเราจะไม่นำมาใช้เสพสูบกัญชาจนเสียอนาคตและส่งผลเสียต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมในวงกว้าง เพราะบทบัญญัติห้ามบริโภคและห้ามขายคนอายุต่ำกว่า20ปียังไม่ตอบโจทย์เพียงพอ

      ยกตัวอย่างชัดๆกรณีหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแถลงคัดค้านชี้ประเด็นปัญหาว่า”…. ปรากฏว่าในชั้น กมธ.มีการปรับแก้อย่างมาก ซึ่งไม่ตอบโจทย์ว่าจะควบคุมเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นห่วงได้อย่างไร โดยเฉพาะการนำกัญชามาใช้ทางสันทนาการ พรรค พท.จึงมีมติว่าจะไม่ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ในวาระ 2-3 ..”  รวมทั้งข้อมูลรายงานและความเห็นจากฝ่ายต่างๆ เช่น  นพ.ล่ำซำ ลักขณาภิชนชัช รองผู้อำนวยการด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ให้ข้อมูลว่า จากการสำรวจล่าสุดพบว่า ผู้ป่วยที่เข้ามารับการบำบัดมากที่สุดคือ ผู้ป่วยที่ใช้กัญชาและมีอาการทางจิตรุนแรง เพราะผู้ที่สูบกัญชากว่าจะแสดงอาการรุนแรงใช้ระยะเวลานานกว่ายาบ้าหรือไอซ์ จึงเข้าสู่กระบวนการบำบัดช้ากว่าที่ควรจะเป็น จะเป็นอาการหลอน หูแว่ว หลงผิด หวาดระแวง และทำร้ายผู้อื่น ข้อมูลปี 2563 มีผู้ป่วยจิตเวชจากกัญชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และข้อมูลปี 2564 จนถึงปัจจุบันเพิ่มเป็นร้อยละ 28 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กัญชาเป็นสารเสพติดที่ต้องเฝ้าระวัง อนาคตจะก่อความรุนแรงในสังคม ปัจจุบันพบว่ากัญชาหาซื้อได้ตามแหล่งโซเชียล

   รายงานจากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เรื่องผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กจากการใช้กัญชา แบ่งเป็นผลกระทบระยะสั้น สำหรับผลในระยะยาวหากมีการใช้ต่อเนื่องยาวนานหรือใช้ในปริมาณมาก การศึกษาต่างประเทศพบว่าส่งผลต่อไอคิวเด็กลดลงถึง 6 จุด หรือเรียกง่าย ๆ ว่า สมองพัง โง่ลง และยังมีผลกระทบระยะยาวว่า เด็กไม่ไปเรียน ออกจากโรงเรียน เรียนไม่จบ ไม่มีงานทำ มีปัญหาทางพฤติกรรม

  World Drug Report 2022 ของ UNODC ปี 2565(ค.ศ.2022)พบว่า ประเทศที่มีนโยบายหรือกฎหมายอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ จะส่งผลเสียต่อระบบบริการสาธารณสุข ความปลอดภัยของประชาชน หลักนิติธรรม คดีอาชญากรรม อุบัติเหตุ การค้ากัญชาผิดกฎหมาย โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน

  ศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยแสดงความวิตกกังวลต่อเรื่องร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวว่าจะเกิดผลกระทบต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมาภายหลังมีการประกาศปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดแล้ว มีสถานการณ์ที่มีผลกระทบจากผู้เสพยาเสพติด จนกระทั่งป่วยถึงจิตเวชได้ทำร้ายพี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่ ทำให้พ่อแม่ ครู อาจารย์หรือองค์การศึกษาต่าง ๆ มีความวิตกกังวล   สรุปสั้นๆคือเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.มีความหละหลวม อาจเกิดการเสพกัญชา เพื่อนันทนาการมากกว่าทางการแพทย์เป็ยภัยต่อเยาวชน ครอบครัวและสังคม  อย่าเข้าใจผิดเพื่อนและมองผิดคิดว่าเป็นเรื่องการเมืองจนหลงประเด็นที่เป็นสาระสำคัญของปัญหาในตัวร่างกฎหมายกัญชา เร่งปรับปรุงใหม่แล้วรีบเสนอกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎร  ก็หวังว่า พี่หนูจะเข้าใจเจตนาที่เขียนมาถึงด้วยความห่วงใยนะครับ.




พี่จ้อน อลงกรณ์ พลบุตร

" บุญใหญ่ใจต้องถึง"



" บุญใหญ่ใจต้องถึง"25 ก.ย. 2565 "วัดวังพง" ทีมงาน"สิงห์รถบรรทุก"และชาวบ้านอำเภอแก่งหางแมว และอำเภอใกล้เคียง นำทีมโดยเจ๊อ้อน และทีมงานโชคศิลป์ ทีมงานโชคทิมแสง ทีมงานม้าป่าดินด่วน และทีมงานรถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ ได้ร่วมมือร่วมใจทำบุญใหญ่ทอดผ้าป่าหินปูนทราย วัตถุประสงค์ เพื่อซ่อมแซมศาลาวัด และทำถนนทางเข้าวัดวังพง ใช้รถบรรทุกร่วม 80 คัน บรรทุกหินปูนทรายทอดผ้าป่าสามัคคี เจ้อ้อน คุณ วิชิต อินทมาลี คุณ เพียร เอี้ยมสกุล ผมทอง รถซิ่ง พร้อมคณะร่วมทอดผ้าป่าถวายให้กับหลวงพ่อ อธิการ นัฐพงษ์ ธิตเมโช "หลวงพ่อช้าง"วัดวังพง 31 หมู่4 ตำบล ขุนซ่อง อำเภอ แก่งหางแมว จังหวัด จันทบุรี โทร 063-1066953 หลวงพ่อได้กล่าวว่างานบุญครั้งนี้ลูกศิษย์ลูกหาที่มาร่วมทำบุญมากมายเพราะทุกคนมีใจเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนามาทำบุญกันด้วยใจอันบริสุทธิ์ ร่วมสร้างวัดอันเป็นที่พึ่งทางใจให้กับญาติโยมทั้งหลาย หลวงพ่อขออวยพรให้ญาติโยมที่มาทำบุญที่ไม่ได้มาก็ดี ขอให้มีแต่ความสุขความเจริญทุกท่านทุกคน









ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ข้าแผ่นดินสยาม จ.จันทบุรี

บอย สิงห์โต/รายงาน

มดแดง1/ข่าว

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565

สนอง โคบุตร หัวหน้าข่าว น.ส.พ.ขผดส. นำเสบียง เพื่อมนุษย์ และสัตว์เลี้ยง ไปมอบให้กับ ดร.สงัด รัศมีฉาย (ปุ๋ย' ม้าสีหมอก) ซึ่งประสบอุทกภัยกว่าสัปดาห์ ณ อำเภอ กัณทรารมย์ จว. ศรีษะเกษ ตามนโยบาย สื่อมวลชนช่วยกันด้วยจิตอาสา ฃองดร.พะนารถ ตามประทีป บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ข้าแผ่นดินสยามฯ


วันเสาร์ที่ ๒๔ ก.ย.๖๕ สนอง  โคบุตร  หัวหน้าข่าว น.ส.พ.ขผดส.  นำเสบียง เพื่อมนุษย์  และสัตว์เลี้ยง  ไปมอบให้กับ ดร.สงัด  รัศมีฉาย (ปุ๋ย' ม้าสีหมอก) ซึ่งประสบอุทกภัยกว่าสัปดาห์  ณ อำเภอ กัณทรารมย์ จว. ศรีษะเกษ ตามนโยบาย สื่อมวลชนช่วยกันด้วยจิตอาสา ฃองดร.พะนารถ  ตามประทีป บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ข้าแผ่นดินสยามฯ












สนอง โคบุตร/รายงาน/ข่าว 

รถกระบะเสียหลักชนเสาไฟฟ้า โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย คาดคนขับวูบขณะขับขี่

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 11.00 น. หน่วยกู้ภัยได้รับแจ้งจากประชาชนว่าเกิดอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า บริเวณหมู่ 1 ตำ...